วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Learning log 2

                Learning log 2
สิ่งที่ได้เรียนรู้ในชั้นเรียน นอกชั้นเรียน...
                จากการเรียนวิชาการแปลในคาบนี้เป็นการคิดทบทวนตัวเองว่า รู้อะไรมา?   เรียนแล้วได้อะไร? ต้องการรู้อะไร? , รู้จักการคิดทักษะในขั้นสูงสุด Higher order thinking skill  เป็นการตอบคำถามจากอาจารย์ ซึ่งในการตอบคำถาม ทำให้ดิฉันได้คิด รู้จักคิดให้ไตร่ตรองที่จะตอบ นอกจากนั้นรู้จักวิธีการเรียนการสอนที่ดีในชั้นเรียน ว่าการเรียนเราควรที่จะมีเป้าหมาย มีการวางแผนและกล้าที่จะแสดงออก การที่ได้เรียนรู้ในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียนควบคู่กันไปทำให้เรารู้จักวิธีการหาความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น ได้รับประโยชน์มากมาย รู้จักหาวิธีการที่จะไปต่อยอดความรู้ในอนาคตข้างหน้า
                ทั้งนี้การเรียนภาษาอังกฤษคนที่รู้ ควรที่จะหาความรู้เพิ่มเติม รู้ให้มากขึ้นกว่าเดิม คนที่ไม่รู้ควรที่จะพัฒนาตัวเอง อ่าน ฝึกฝน ทำให้ตัวเองรู้ให้ได้ ดังนั้นเราควรมีการประเมิน Solf  - Assessment   การเรียนภาษาเราต้องกล้าแสดงออก กล้าที่จะพูด ตอบคำถาม นำทักษะที่ได้เรียนรู้ เช่นการอ่าน การพูด ไปใช้ในสถานการณ์จริง เรียนภาษาจะต้องฝึกฝนบ่อยๆ นอกจากนี้การเรียนในชั้นเรียนทำให้รู้จักคำว่า KWL และ INTERACTION
                KWL: K=know คุณรู้อะไร?  , W =want คุณต้องการรู้อะไร? , L=Learn คุณได้เรียนรู้อะไร? เป็นการตอบคำถามที่อาจารย์ถาม  ซึ่งการตอบคำถามเหล่านี้ทำให้เราได้คิดทบทวนตัวเอง กระตือรือร้นที่จะหาตอบคำถามตลอดเวลา โดยการใช้ทักษะขั้นสูงสุด Higher order thinking skill   การตอบคำถามของผู้เรียนสะท้อนกลับในหลายๆด้านและเป็นการโต้ตอบที่เกิดขึ้นระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน ซึ่งเรียกว่า ‘interaction’ เป็น 2  ประเภท   1. One ways communication : มีเพียงผู้ส่งสาร ขาดผู้รับสาร กล่าวคือ การเรียนการสอนในห้องเรียนมีเพียงครูที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดเนื้อหาความรู้แต่เพียงผู้เดียว ส่าวนผู้เรียนไม่รับรู้ โต้ตอบน้อย น้อยมากหรือไม่โต้ตอบเลย ทำให้ผู้เรียนไม่เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆ 2. Two ways communication : เป็นลักษณะที่ดี เหมาะแก่การเรียนการสอน แบ่งออกเป็น 3 ประเภท 1. “Whole class; ทุกคนมีส่วนร่วม มีการโต้ตอบระหว่างผู้สอนและผู้เรียนได้เป็นอย่างดี 2. Group work: การทำงานเป็นทีม ,กลุ่ม ทุกคนที่ส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 3. Pans work: การทำงานเป็นคู่ คล้าย Group work มีความวุ่นวายน้อยกว่า หากเราเลือกวิธีการเรียนการสอนที่เหมาะสม สร้างบรรยากาศในการเรียนได้ดีก็จะช่วยส่งผลต่อการเกิดการเรียนรู้ที่ดีทั้งผู้สอนและผู้เรียนได้เป็นอย่างดี
                การเรียนรู้ในชั้นเรียนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่เราจะพัฒนาตนเองในด้านต่างๆกล้าที่จะแสดงออก กล้าที่จะตอบคำถาม มีทักษะความคิด การทำงานที่ดีร่วมกับผู้อื่นสร้างการเรียนรู้ที่ดี การเรียนควรมีเป้าหมาย คนที่สอบได้ ประสบความสำเร็จคือคนที่วางแผนดี  นอกจากเรียนรู้ในชั้นเรียนที่เราสามารถนำมาพัฒนาตนเองได้แร้ว การเรียนรู้นอกชั้นเรียนเป็นการหาความรู้เพิ่มเติมถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลต่างๆเพื่อที่จะพัฒนาตนเองในการเรียนรู้ภาษาที่ดี จากการเรียนวิชาการแปล ได้อ่านเพิ่มเติมเรื่องกลยุทธ์ในการแปล
                ปัจจุบันภาษาอังกฤษถือว่าเป็นภาษาที่สำคัญ มีการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในระบบที่หลากหลายลักษณะมากขึ้น มีการสอนภาษาอังกฤษผ่านวิทยุโทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษมากขึ้น การเรียนภาษาแตกต่างจากการเรียนวิชาอื่นๆ การเรียนภาษาต้องมีสองด้านควบคู่กัน คือ ความรู้และทักษะ  -ความรู้เป็นภาคทฤษฎี  -ทักษะเป็นภาคปฏิบัติ (ความชำนาญที่เกิดจากการฝึกฝน) คุณภาพมาตรฐานในเรืองการเรียนการสอนก็ยังคงปัญหาเดิมคือ ส่วนใหญ่ผู้เรียนในทุกระดับยังไม่รู้ภาษาอังกฤษที่เพียงพอที่จะฟัง พูด อ่าน เขียนและแปล ในขั้นที่ใช้การได้อย่างแท้จริง เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์ คนส่วนใหญ่มักจะมุ่งไปที่เหตุปัจจัยภายนอกตัวผู้เรียน คือ โทษครูผู้สอน   ว่าขาดความรู้ความชำนาญ,โทษตำราเรียน แบบเรียน และสื่อการเรียนการสอนว่าขาดคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน ไม่นำไปสู่การเรียนรู้ให้เกิดทักษะในการใช้ภาษาอย่างแท้จริง ,โทษสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอน การเรียนภาษาอังกฤษเวลาน้อยเกินไป, โทษนโยบายของรัฐ,โทษสภาพแวดล้อมทางสังคม แม้ระบบการศึกษาภาษาอังกฤษจะอ่อนแอ ก็ยังคงมีนักเรียนนักศึกษาบางส่วนที่เก่งภาษาอังกฤษ
                การเรียนภาษาให้ได้ผล มีปัจจัยหลายด้าน แต่สิ่งสำคัญสุดคือผู้เรียนที่เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดดังคำกล่าวที่ว่าภาษานั้นเรียนได้ แต่สอนไม่ได้ผู้เรียนภาษาอังกฤษควรปรับเปลี่ยนคติใหม่ การพึ่งพาต้นเองเป็นสิ่งสำคัญ จำเป็นต้องดำเนินไปอย่างเป็นระบบหรือมีระเบียบแบบแผน โดยอาจมีขั้นตอนสำคัญดังนี้
1.กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมาย 2. รู้จัก จัดเตรียมและแสวงหาแหล่งเรียนรู้ 3. พัฒนากลยุทธ์การเรียน
4. ลงมือปฏิบัติ และต้องให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงด้วย โดยคำนึงถึงพื้นฐานความรู้ ความถนัด และการจัดสรรเวลา เมื่อกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายได้แล้ว เราต้องรู้จัก จัดเตรียมและเสาะหาสื่อ แหล่งความรู้ที่เอื้อต่อการฝึกทักษะด้วยตนเอง โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ,แหล่งท่องเที่ยว,หนังสือพิมพ์รายวัน,ห้องสมุด,ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัย,คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต
                นอกจากกำหนดวัตถุประสงค์ แสวงหาแหล่งเรียนรู้ สิ่งสำคัญคือกลยุทธ์ในการเรียนภาษา ซึ่งแต่ละคนจะมีวิธีการเรียนรู้อันเป็นลักษณะเฉพาะตัว กลยุทธ์นี้เป็นพื้นฐานในการเรียนภาษา มีองค์ประกอบ 10 ประการ คือ นักศึกษา การเรียนภาษาจะต้องเริ่มจากความรู้เกี่ยวกับตัวภาษา มีอยู่ 2 ด้าน คำศัพท์และไวยากรณ์  ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของภาษา,ความรู้เกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมของชนชาติเจ้าของภาษา: สื่อสารกับเจ้าของภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ,การเรียนภาษาต้องผ่านการฝึกฝน การเรียนแต่ภาคทฤษฎีโดยไม่ปฏิบัติ อาจทำให้บรรลุเป้าหมาย วิธีการฝึกฝน การอ่าน,การดู,การฟัง,การอ่านออกเสียง,การเรียนรวมถึงการคิด จิตในการรักเรียนภาษา การเรียนภาษาบางเรื่องมีเนื้อหามาก ซับซ้อน ผู้เรียนภาษาที่ดีจึงต้องเป็นคนช่างสังเกตและจดจำ ต้องใส่ใจในเรื่องใหญ่ๆคือไวยากรณ์และคำศัพท์ ภาษาสำเร็จรูป ซึ่งการจดจำมาจากการฝึกฝนหรือทำซ้ำๆอาจมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
                นอกจากนี้ในแต่ละภาษาจะมีสัญนิยม            ข้อตกลงร่วมกันระหว่างคนที่ใช้ภาษาเดียวกันเพื่อให้สื่อสารเข้าใจกัน ด้วยเหตุนี้การเรียนภาษาจึงต้องอาศัยการเลียนแบบตามขั้นตอน จากนั้นต้องรู้จักดัดแปลงให้เข้ากับวัตถุประสงค์ในการใช้ภาษาในสถานการณ์ต่างๆ อาศัยความรู้เรื่องไวยากรณ์ คำศัพท์และสำนวนโวหารเป็นพื้นฐานสำคัญ การเรียนภาษาในระดับที่สูงขึ้นต้องอาศัยการวิเคราะห์ มี 3 ระดับ ระดับคำศัพท์ : วิเคราะห์โครงสร้างและความหมายของคำศัพท์และสำนวน,ระดับไวยากรณ์ : วิเคราะห์โครงสร้างและความหมายของวลีและประโยค,ระดับถ้อยความ : วิเคราะห์โครงสร้างความหมายของประโยค ซึ่งเป็นพื้นฐานในการเรียนภาษาอังกฤษ การเรียนนั้นจากตำราอาจไม่เพียงพอ ผู้เรียนมีความจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อที่จะนำทักษะความรู้ที่ได้ไปใช้ในสถานการณ์จริง เพื่อทดสอบและตรวจสอบดูว่าความรู้และทักษะที่ได้เรียนรู้มาเพียงพอหรือไม่ ดังนั้นผู้เรียนภาษาต้องมีการฝึกฝน ช่างสังเกตและเรียนรู้จากข้อผิดพลาดบกพร่อง เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขต่อไป
                กลยุทธ์   ในการเรียนภาษา จำเป็นต้องนำมาใช่บ่อยๆอย่างสม่ำเสมอ จึงบังเกิดผลเพราะการเรียนภาษาถือเป็นกระบวนการที่ต้องนำเนินไปตลอดชีวิตและสิ่งสำคัญคือตัวเราเองที่ต้องฝึกฝนและหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งในการเรียนในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียนถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้เราได้คิด ได้ฝึกทักษะต่างๆทั้งการคิด การพูด การแสดงออกและการเรียนรู้ การเรียนการสอนที่ดีในชั้นเรียน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Learning log 2

                Learning log 2
สิ่งที่ได้เรียนรู้ในชั้นเรียน นอกชั้นเรียน...
                จากการเรียนวิชาการแปลในคาบนี้เป็นการคิดทบทวนตัวเองว่า รู้อะไรมา?   เรียนแล้วได้อะไร? ต้องการรู้อะไร? , รู้จักการคิดทักษะในขั้นสูงสุด Higher order thinking skill  เป็นการตอบคำถามจากอาจารย์ ซึ่งในการตอบคำถาม ทำให้ดิฉันได้คิด รู้จักคิดให้ไตร่ตรองที่จะตอบ นอกจากนั้นรู้จักวิธีการเรียนการสอนที่ดีในชั้นเรียน ว่าการเรียนเราควรที่จะมีเป้าหมาย มีการวางแผนและกล้าที่จะแสดงออก การที่ได้เรียนรู้ในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียนควบคู่กันไปทำให้เรารู้จักวิธีการหาความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น ได้รับประโยชน์มากมาย รู้จักหาวิธีการที่จะไปต่อยอดความรู้ในอนาคตข้างหน้า
                ทั้งนี้การเรียนภาษาอังกฤษคนที่รู้ ควรที่จะหาความรู้เพิ่มเติม รู้ให้มากขึ้นกว่าเดิม คนที่ไม่รู้ควรที่จะพัฒนาตัวเอง อ่าน ฝึกฝน ทำให้ตัวเองรู้ให้ได้ ดังนั้นเราควรมีการประเมิน Solf  - Assessment   การเรียนภาษาเราต้องกล้าแสดงออก กล้าที่จะพูด ตอบคำถาม นำทักษะที่ได้เรียนรู้ เช่นการอ่าน การพูด ไปใช้ในสถานการณ์จริง เรียนภาษาจะต้องฝึกฝนบ่อยๆ นอกจากนี้การเรียนในชั้นเรียนทำให้รู้จักคำว่า KWL และ INTERACTION
                KWL: K=know คุณรู้อะไร?  , W =want คุณต้องการรู้อะไร? , L=Learn คุณได้เรียนรู้อะไร? เป็นการตอบคำถามที่อาจารย์ถาม  ซึ่งการตอบคำถามเหล่านี้ทำให้เราได้คิดทบทวนตัวเอง กระตือรือร้นที่จะหาตอบคำถามตลอดเวลา โดยการใช้ทักษะขั้นสูงสุด Higher order thinking skill   การตอบคำถามของผู้เรียนสะท้อนกลับในหลายๆด้านและเป็นการโต้ตอบที่เกิดขึ้นระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน ซึ่งเรียกว่า ‘interaction’ เป็น 2  ประเภท   1. One ways communication : มีเพียงผู้ส่งสาร ขาดผู้รับสาร กล่าวคือ การเรียนการสอนในห้องเรียนมีเพียงครูที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดเนื้อหาความรู้แต่เพียงผู้เดียว ส่าวนผู้เรียนไม่รับรู้ โต้ตอบน้อย น้อยมากหรือไม่โต้ตอบเลย ทำให้ผู้เรียนไม่เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆ 2. Two ways communication : เป็นลักษณะที่ดี เหมาะแก่การเรียนการสอน แบ่งออกเป็น 3 ประเภท 1. “Whole class; ทุกคนมีส่วนร่วม มีการโต้ตอบระหว่างผู้สอนและผู้เรียนได้เป็นอย่างดี 2. Group work: การทำงานเป็นทีม ,กลุ่ม ทุกคนที่ส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 3. Pans work: การทำงานเป็นคู่ คล้าย Group work มีความวุ่นวายน้อยกว่า หากเราเลือกวิธีการเรียนการสอนที่เหมาะสม สร้างบรรยากาศในการเรียนได้ดีก็จะช่วยส่งผลต่อการเกิดการเรียนรู้ที่ดีทั้งผู้สอนและผู้เรียนได้เป็นอย่างดี
                การเรียนรู้ในชั้นเรียนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่เราจะพัฒนาตนเองในด้านต่างๆกล้าที่จะแสดงออก กล้าที่จะตอบคำถาม มีทักษะความคิด การทำงานที่ดีร่วมกับผู้อื่นสร้างการเรียนรู้ที่ดี การเรียนควรมีเป้าหมาย คนที่สอบได้ ประสบความสำเร็จคือคนที่วางแผนดี  นอกจากเรียนรู้ในชั้นเรียนที่เราสามารถนำมาพัฒนาตนเองได้แร้ว การเรียนรู้นอกชั้นเรียนเป็นการหาความรู้เพิ่มเติมถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลต่างๆเพื่อที่จะพัฒนาตนเองในการเรียนรู้ภาษาที่ดี จากการเรียนวิชาการแปล ได้อ่านเพิ่มเติมเรื่องกลยุทธ์ในการแปล
                ปัจจุบันภาษาอังกฤษถือว่าเป็นภาษาที่สำคัญ มีการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในระบบที่หลากหลายลักษณะมากขึ้น มีการสอนภาษาอังกฤษผ่านวิทยุโทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษมากขึ้น การเรียนภาษาแตกต่างจากการเรียนวิชาอื่นๆ การเรียนภาษาต้องมีสองด้านควบคู่กัน คือ ความรู้และทักษะ  -ความรู้เป็นภาคทฤษฎี  -ทักษะเป็นภาคปฏิบัติ (ความชำนาญที่เกิดจากการฝึกฝน) คุณภาพมาตรฐานในเรืองการเรียนการสอนก็ยังคงปัญหาเดิมคือ ส่วนใหญ่ผู้เรียนในทุกระดับยังไม่รู้ภาษาอังกฤษที่เพียงพอที่จะฟัง พูด อ่าน เขียนและแปล ในขั้นที่ใช้การได้อย่างแท้จริง เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์ คนส่วนใหญ่มักจะมุ่งไปที่เหตุปัจจัยภายนอกตัวผู้เรียน คือ โทษครูผู้สอน   ว่าขาดความรู้ความชำนาญ,โทษตำราเรียน แบบเรียน และสื่อการเรียนการสอนว่าขาดคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน ไม่นำไปสู่การเรียนรู้ให้เกิดทักษะในการใช้ภาษาอย่างแท้จริง ,โทษสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอน การเรียนภาษาอังกฤษเวลาน้อยเกินไป, โทษนโยบายของรัฐ,โทษสภาพแวดล้อมทางสังคม แม้ระบบการศึกษาภาษาอังกฤษจะอ่อนแอ ก็ยังคงมีนักเรียนนักศึกษาบางส่วนที่เก่งภาษาอังกฤษ
                การเรียนภาษาให้ได้ผล มีปัจจัยหลายด้าน แต่สิ่งสำคัญสุดคือผู้เรียนที่เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดดังคำกล่าวที่ว่าภาษานั้นเรียนได้ แต่สอนไม่ได้ผู้เรียนภาษาอังกฤษควรปรับเปลี่ยนคติใหม่ การพึ่งพาต้นเองเป็นสิ่งสำคัญ จำเป็นต้องดำเนินไปอย่างเป็นระบบหรือมีระเบียบแบบแผน โดยอาจมีขั้นตอนสำคัญดังนี้
1.กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมาย 2. รู้จัก จัดเตรียมและแสวงหาแหล่งเรียนรู้ 3. พัฒนากลยุทธ์การเรียน
4. ลงมือปฏิบัติ และต้องให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงด้วย โดยคำนึงถึงพื้นฐานความรู้ ความถนัด และการจัดสรรเวลา เมื่อกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายได้แล้ว เราต้องรู้จัก จัดเตรียมและเสาะหาสื่อ แหล่งความรู้ที่เอื้อต่อการฝึกทักษะด้วยตนเอง โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ,แหล่งท่องเที่ยว,หนังสือพิมพ์รายวัน,ห้องสมุด,ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัย,คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต
                นอกจากกำหนดวัตถุประสงค์ แสวงหาแหล่งเรียนรู้ สิ่งสำคัญคือกลยุทธ์ในการเรียนภาษา ซึ่งแต่ละคนจะมีวิธีการเรียนรู้อันเป็นลักษณะเฉพาะตัว กลยุทธ์นี้เป็นพื้นฐานในการเรียนภาษา มีองค์ประกอบ 10 ประการ คือ นักศึกษา การเรียนภาษาจะต้องเริ่มจากความรู้เกี่ยวกับตัวภาษา มีอยู่ 2 ด้าน คำศัพท์และไวยากรณ์  ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของภาษา,ความรู้เกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมของชนชาติเจ้าของภาษา: สื่อสารกับเจ้าของภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ,การเรียนภาษาต้องผ่านการฝึกฝน การเรียนแต่ภาคทฤษฎีโดยไม่ปฏิบัติ อาจทำให้บรรลุเป้าหมาย วิธีการฝึกฝน การอ่าน,การดู,การฟัง,การอ่านออกเสียง,การเรียนรวมถึงการคิด จิตในการรักเรียนภาษา การเรียนภาษาบางเรื่องมีเนื้อหามาก ซับซ้อน ผู้เรียนภาษาที่ดีจึงต้องเป็นคนช่างสังเกตและจดจำ ต้องใส่ใจในเรื่องใหญ่ๆคือไวยากรณ์และคำศัพท์ ภาษาสำเร็จรูป ซึ่งการจดจำมาจากการฝึกฝนหรือทำซ้ำๆอาจมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
                นอกจากนี้ในแต่ละภาษาจะมีสัญนิยม            ข้อตกลงร่วมกันระหว่างคนที่ใช้ภาษาเดียวกันเพื่อให้สื่อสารเข้าใจกัน ด้วยเหตุนี้การเรียนภาษาจึงต้องอาศัยการเลียนแบบตามขั้นตอน จากนั้นต้องรู้จักดัดแปลงให้เข้ากับวัตถุประสงค์ในการใช้ภาษาในสถานการณ์ต่างๆ อาศัยความรู้เรื่องไวยากรณ์ คำศัพท์และสำนวนโวหารเป็นพื้นฐานสำคัญ การเรียนภาษาในระดับที่สูงขึ้นต้องอาศัยการวิเคราะห์ มี 3 ระดับ ระดับคำศัพท์ : วิเคราะห์โครงสร้างและความหมายของคำศัพท์และสำนวน,ระดับไวยากรณ์ : วิเคราะห์โครงสร้างและความหมายของวลีและประโยค,ระดับถ้อยความ : วิเคราะห์โครงสร้างความหมายของประโยค ซึ่งเป็นพื้นฐานในการเรียนภาษาอังกฤษ การเรียนนั้นจากตำราอาจไม่เพียงพอ ผู้เรียนมีความจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อที่จะนำทักษะความรู้ที่ได้ไปใช้ในสถานการณ์จริง เพื่อทดสอบและตรวจสอบดูว่าความรู้และทักษะที่ได้เรียนรู้มาเพียงพอหรือไม่ ดังนั้นผู้เรียนภาษาต้องมีการฝึกฝน ช่างสังเกตและเรียนรู้จากข้อผิดพลาดบกพร่อง เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขต่อไป
                กลยุทธ์   ในการเรียนภาษา จำเป็นต้องนำมาใช่บ่อยๆอย่างสม่ำเสมอ จึงบังเกิดผลเพราะการเรียนภาษาถือเป็นกระบวนการที่ต้องนำเนินไปตลอดชีวิตและสิ่งสำคัญคือตัวเราเองที่ต้องฝึกฝนและหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งในการเรียนในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียนถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้เราได้คิด ได้ฝึกทักษะต่างๆทั้งการคิด การพูด การแสดงออกและการเรียนรู้ การเรียนการสอนที่ดีในชั้นเรียน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น