Learning log 4
การเรียนรู้ในชั้นเรียน
ประโยคคือส่วนที่สำคัญที่สุดในโครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
เพราะในชีวิตประจำวันเรามาพูดออกมาเป็นประโยค
เพื่อสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าในแต่ประโยคนั้นประกอบขึ้นต้นด้วยคำต่างๆ
ดังนั้นเราจำเป็นจึงจะต้องศึกษาวิธีการแต่ละประโยค
ประโยคในภาษาอังกฤษมีรูปแบบประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษแค่ 5 แบบ ซึ่งเป็นหลักที่ใช้ในการแต่ประโยค
1. ประโยค (Sentences)
ประโยค หมายถึง กลุ่มคำหรือข้อความที่กล่าวออกมาแล้วมีใจความสมบูรณ์
ประโยคจะประกอบด้วยส่วนใหญ่ 2 ส่วน คือ
ภาคประธาน
|
ภาคแสดง
|
He
|
Shouted.
|
Mary
|
was
selfish.
|
The
loose door
|
rattled
all night.
|
Those
students
|
study
hard for their exam.
|
1.1 ภาคประธาน (Subject) มีได้หลายรูปแบบ เช่น
1. เป็นคำนาม เช่น The man walked in the rain.
2. เป็นคำสรรพนาม เช่น He was a policeman.
3. เป็นอนุประโยค เช่น What he described frightened
everybody.
4. เป็น gerund เช่น Writing was
her hobby.
5. เป็น gerund phrase เช่น Working
in the South is dangerous.
6. เป็น infinitive เช่น To
swim is a good exercise.
7. เป็น infinitive phrase เช่น To
escape from the prison seems impossible for him.
1.2 ภาคแสดง (Predicate) จะต้องประกอบด้วยคำกริยา
และมีกรรมที่รวมเรียกว่า Verb Completion หรือ ส่วนขยายที่เรียกว่า Verb Modifiers
1. Verb Completion เช่น
-
She knows my name.
-
Many people complained a lot about air pollution.
2.
Verb Modifiers เช่น
-
The teacher should speak nicely to the children.
-
Students can be observed in all classrooms.
2. ชนิดของประโยค
2. ชนิดของประโยค
ประโยค (Sentences) แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
2.1 ประโยคความเดียว (Simple Sentence) คือ
ประโยคที่มีประโยคอิสระ (Independent Clause) เพียงประโยคเดียว
เช่น
-
Linda wrote that novel.
-
The secretary answers the phone.
2.2 ประโยคความรวม (Compound Sentence) คือ ประโยคที่ประกอบด้วยประโยคอิสระ(Independent
Clause) ตั้งแต่สองประโยคขึ้นไป
และมีคำสันธานหรือคำเชื่อมมาเชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน ได้แก่ and, but,
nor, or, for, so, และ yet เช่น
-
University students can live in the dormitories or in the private
apartment.
-
Woman lives longer than men, for they take better care of
their health.
2.3 ประโยคความซ้อน (Complex Sentence) คือ
ประโยคผสมระหว่างประโยคอิสระ (Independent Clause) หนึ่งประโยค
กับประโยคย่อย (Subordinate Clause) อย่างน้อยหนึ่งประโยคขึ้นไป เช่น
-
Some old people are afraid of using computer while others
welcome it.
-
Students who are in the second year are called sophomore.
-
Curiosity is one of the early drives which can be used to the
full by the elementary school teacher.
2.4 ประโยคความผสม (Compound-Complex Sentence) คือ
ประโยคผสมระหว่างประโยคความรวมกับประโยคความซ้อน เช่น
-
Before Jack could go to the party, he had to finish his annual report, but he
found it hard to concentrate.
Adjective Clause
คือ subordinate clause ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนคำ
adjective คำหนึ่ง ทำหน้าที่ขยายคำนาม และคำสรรพนาม บางครั้ง
Adjective Clause จะถูก เรียกว่า Relative
Clause
ลักษณะของประโยค Adjective
Clause จะนำหน้าด้วย relative words ดังคำต่อไปนี้
1. Relative Pronoun คือสรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยค subordinate clause เข้ากับประโยค main
clause โดยใช้เชื่อม หรือขยายคำนาม หรือคำสรรพนามที่วางอยู่
ข้างหน้าประโยค adjective clause ซึ่งจะมีคำเชื่อมที่นำหน้าประโยคดังนี้
·
Relative
Pronoun ที่ใช้แทนคน : who, whom, whose,
that
·
Relative
Pronoun ที่ใช้แทนสิ่งของ : which, of which, that
2. Relative Adverb ได้แก่
where, when,
why
ตำแหน่งของ Relative Clause
1.
ประโยค
relative clause
(adjective clause) เมื่อใช้ขยายคำนามหรือคำสรรพนาม
ตัวใดให้วางประโยคrelative clause ไว้หลังคำนั้นทันที
เช่น
The man who lives next door is
a teacher. (who
lives next door เป็น adjective clause ขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้าคือ
The man)
2.
เมื่อใช้
relative
pronoun แทนคำนามหรือคำสรรพนามในประโยคแล้ว ให้ตัดคำนาม
หรือคำสรรพนามที่ relative pronounนั้นใช้แทน ออกไป เช่น
John married a woman who works in his
office.
ประโยคข้างบนมากจาก
2 ประโยคด้วยกัน คือ
A. John
married a woman.
B. A
woman (she) works in his office
ประโยคB คือประโยค relative
clause มีประธานเป็นคน คือ a woman ใช้who
แทนประธานที่เป็นคนและตัดคำนาม a woman ออกเพราะใช้who
แทนแล้ว
Adjective
Clause หรือRelative Clause แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. Defining Relative Clause หรือ Restrictive Clause ทำหน้าที่ขยาย
คำนามหรือคำสรรพนามที่เป็น head word ของประโยค main
clause โดยจะไม่ใส่ comma ( , ) เพราะถือว่า relative clause ชนิดนี้มีความ สำคัญ
หากตัดออกจะทำให้ความหมายของประโยคหลักไม่สมบูรณ์
เช่น The man whose car was
stolen complained to the polite.
A. The
man complained to the polite. เป็นประโยคหลักที่ยังมีใจความ
ไม่สมบูรณ์จึงต้องมี
B. His
car was stolen ซึ่งเป็น Adjective clause มาขยาย man ทำให้ความหมายสมบูรณ์ และเมื่อเชื่อม A
เข้ากับ B ให้นำ relative pronoun –whose
มาใช้เชื่อมแทน his
2. Non – Defining Relative Clause หรือ Nonrestrictive Clause จะวางไว้
หลังคำนามหลักของประโยค main clause ซึ่งคำนามนั้นมีความหมาย
สมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว การใส่ non – defining relative clause จึงไม่ได้ หมายความว่าไปขยายคำนามที่เป็น head word ของประโยค
main clause แต่ใส่ non – defining relative clause เพื่อเป็นการเพิ่มข้อมูลของ คำนามหลักเท่านั้น ดังนั้น non
– defining relative clauseจึงมี comma (,) คั่นกลางกับคำนามหลัก
เช่น We stayed at the Royal Hotel, which William recommanded to us.
เช่น We stayed at the Royal Hotel, which William recommanded to us.
จะเห็นได้ว่าประโยค We stayed at the Royal Hotel. มีความหมายที่สมบูรณ์อยู่แล้ว
การเพิ่มประโยค which William recommanded to us ซึ่งขยายคำนาม the Royal Hotel เป็นเพียงการเพิ่มเติมข้อมูลลงไป และต้องใส่ comma คั่น
การลดรูป adjective clause
คำนำหน้า “who”,
“which” และ “that” ที่ทำหน้าที่เป็นประธานของ
adjective clause สามารถลดรูปเป็นกลุ่มคำต่าง ๆ ได้
โดยเมื่อลดรูปแล้วจะกลายเป็นกลุ่มคำนาม ดังนี้
1. Appositive Noun Phrase
adjective clause ซึ่งมี who, which และ that เป็นประธาน สามารถลดรูปได้
1. Appositive Noun Phrase
adjective clause ซึ่งมี who, which และ that เป็นประธาน สามารถลดรูปได้
หากหลัง who, which และ that มี BE และให้ตัด BE ออกด้วย
เมื่อลดรูปแล้ว จะเป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า appositive ดังนี้
ประโยคที่ใช้
adjective
clause
|
วิธีการลดรูปเป็น
appositive
noun phrase
|
Prof.
Chakarin, who is my thesis adviser, will
retire next year.
|
Prof.
Chakarin,
Prof.
Chakarin, my thesis adviser, will retire next year.
|
His
novel, which is entitled Behind the Picture,
is very popular.
|
His
novel,
His
novel, Behind the Picture, is very popular.
|
2 Prepositional
Phrase
adjective clause ที่มี who, which และ that เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง who, which และ that มีคำกริยาและบุพบท ที่ถ้าตัดคำกริยาแล้วเหลือแต่บุพบท ยังมีความหมายเหมือนเดิมให้ตัดคำกริยาออกได้ เมื่อลดรูปแล้ว เป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า prepositional phrase ดังนี้
adjective clause ที่มี who, which และ that เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง who, which และ that มีคำกริยาและบุพบท ที่ถ้าตัดคำกริยาแล้วเหลือแต่บุพบท ยังมีความหมายเหมือนเดิมให้ตัดคำกริยาออกได้ เมื่อลดรูปแล้ว เป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า prepositional phrase ดังนี้
ประโยคที่ใช้
adjective
clause
|
วิธีการลดรูปเป็น
appositive
noun phrase
|
The
lady who is dressed in the national costume is
a beauty queen.
|
The
lady
The
lady in the national costume is a beauty queen.
ในที่นี้ dressed in the national costume มีความหมายเหมือน in the national costume
|
The football
player who came from Brazil received a
warm welcome from his fans in Thailand.
|
The
football player
The football
player from Brazil received a warm welcome from his
fans in Thailand.
ในที่นี้ came from Brazil มีความหมายเหมือน
from Brazil
|
adjective clause ที่มี who, which และ that
สามารถลดรูปได้ หากข้างหลังมีกริยาในรูป BE + infinitive
with to เมื่อลดรูปแล้ว เป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า infinitive
phrase ดังนี้
ประโยคที่ใช้
adjective
clause
|
วิธีการลดรูปเป็น
appositive
noun phrase
|
He is the
first person who is to be blamed for the violence yesterday.
|
He
is the first person
He is the
first person to be blamed for the violence yesterday.
|
The
researcher did not provide the specific statistics that can be
used to test the hypothesis.
|
The
researcher did not provide the specific statistics
The
researcher did not provide the specific statistics
The
researcher did not provide the specific statistics to test the
hypothesis.
|
4. Participial
Phrase
1) Present Participial Phrase
adjective clause ซึ่งมี who เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง who มีกริยาแท้ ลดรูปโดยตัด who และเปลี่ยนกริยาหลัง who เป็น present participle (V-ing)
1) Present Participial Phrase
adjective clause ซึ่งมี who เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง who มีกริยาแท้ ลดรูปโดยตัด who และเปลี่ยนกริยาหลัง who เป็น present participle (V-ing)
ประโยคที่ใช้
adjective
clause
|
วิธีการลดรูปเป็น
appositive
noun phrase
|
The school
students who visited the national museum were very
excited.
|
The
school students
The school
students visiting the national museum were very
excited.
|
The two
robbers who had escaped to Cambodia were arrested a
week ago.
|
The
two robbers
The two
robbers having escaped to Cambodia were arrested
a week ago.
|
The
earthquake victims who had been saved by the rescue team were
sent to hospital immediately.
|
The
earthquake victims
The
earthquake victims having been saved by the rescue team were
sent to hospital immediately.
|
2)
Past Participial Phrase
adjective clause ซึ่งมี which และ who
เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง which และwho
มีกริยาในรูป passive form (BE + past participle) ลดรูปโดยตัด which/who และ BE ออก
เหลือแต่ past participle ดังนี้
ประโยคที่ใช้
adjective
clause
|
วิธีการลดรูปเป็น
appositive
noun phrase
|
The
money which was lost during the trip was
returned to its owner.
|
The
money
The
money lost during the trip was returned to its owner.
|
His
father, who was sent by his company to New Zealand, developed
lung cancer.
|
His
father,
His
father, sent by his company to New Zealand, developed lung
cancer.
|
อย่างไรก็ตาม ทั้ง present participial phrase และ past participial phrase สามารถ
ขยายนามโดยนำมาวางไว้หน้าคำนามได้ ดังนี้
Thailand is a country which exports rice.
Thailand is a rice-exporting country.
Passengers have to wait for trains which come late.
Passengers have to wait for late-coming trains.
Thailand is a country which exports rice.
Thailand is a rice-exporting country.
Passengers have to wait for trains which come late.
Passengers have to wait for late-coming trains.
สำหรับการเรียนในชั้นเรียนสัปดาห์สรุปได้ว่าเรียนเรื่องประโยค ทั้ง Simple Sentence , Compound Sentence , Complex Sentence , Compound - Complex Sentence , Adjective Clause และ การลดรูป adjective clause นอกจากผู้เรียนจะรู้จักวิธีการแต่งประโยคจากหลักการง่ายๆแล้ว ผู้เรียนจำเป็นจะต้องศึกษาเพิ่มเติมในหัวข้อประโยคต่างๆ เพื่อที่จะนำความรู้ที่ได้ต่อยอดในการเรียนวิชาการแปลต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น