วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

Learning log 4
การเรียนรู้ในชั้นเรียน
            ประโยคคือส่วนที่สำคัญที่สุดในโครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เพราะในชีวิตประจำวันเรามาพูดออกมาเป็นประโยค เพื่อสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าในแต่ประโยคนั้นประกอบขึ้นต้นด้วยคำต่างๆ ดังนั้นเราจำเป็นจึงจะต้องศึกษาวิธีการแต่ละประโยค ประโยคในภาษาอังกฤษมีรูปแบบประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษแค่ 5 แบบ ซึ่งเป็นหลักที่ใช้ในการแต่ประโยค
             1. ประโยค (Sentences) 
               ประโยค หมายถึง กลุ่มคำหรือข้อความที่กล่าวออกมาแล้วมีใจความสมบูรณ์ ประโยคจะประกอบด้วยส่วนใหญ่ 2 ส่วน คือ
         
ภาคประธาน
ภาคแสดง
He
Shouted.
Mary
was selfish.
The loose door
rattled all night.
Those students
study hard for their exam.

1.1 ภาคประธาน (Subject)  มีได้หลายรูปแบบ เช่น
                   1. เป็นคำนาม เช่น The man walked in the rain.
                   2. เป็นคำสรรพนาม เช่น He was a policeman.
                   3. เป็นอนุประโยค เช่น What he described frightened everybody.
                   4. เป็น gerund  เช่น Writing was her hobby.
                   5. เป็น gerund phrase เช่น Working in the South is dangerous.
                   6. เป็น infinitive เช่น To swim is a good exercise.
                   7. เป็น infinitive phrase เช่น To escape from the prison seems impossible for him.

          1.2 ภาคแสดง (Predicate)  จะต้องประกอบด้วยคำกริยา และมีกรรมที่รวมเรียกว่า Verb Completion หรือ  ส่วนขยายที่เรียกว่า Verb Modifiers
                
                  1. Verb Completion  เช่น
                             - She knows my name.
                             - Many people complained a lot about air pollution.
                   2. Verb Modifiers  เช่น
                             - The teacher should speak nicely to the children.
                             - Students can be observed in all classrooms.
2. ชนิดของประโยค
          ประโยค (Sentences) แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

          2.1 ประโยคความเดียว (Simple Sentence) คือ ประโยคที่มีประโยคอิสระ (Independent Clause) เพียงประโยคเดียว เช่น
                    - Linda wrote that novel.
                    - The secretary answers the phone.

          2.2 ประโยคความรวม (Compound Sentence) คือ ประโยคที่ประกอบด้วยประโยคอิสระ(Independent Clause) ตั้งแต่สองประโยคขึ้นไป และมีคำสันธานหรือคำเชื่อมมาเชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน ได้แก่ and, but, nor, or, for, so, และ yet  เช่น
                    - University students can live in the dormitories or in the private apartment.
                    - Woman lives longer than men, for they take better care of their health.

          2.3 ประโยคความซ้อน (Complex Sentence) คือ ประโยคผสมระหว่างประโยคอิสระ (Independent Clause) หนึ่งประโยค กับประโยคย่อย (Subordinate Clause) อย่างน้อยหนึ่งประโยคขึ้นไป  เช่น
                    - Some old people are afraid of using computer while others welcome it.
                    - Students who are in the second year are called sophomore.
                    - Curiosity is one of the early drives which can be used to the full by the elementary school teacher.

          2.4 ประโยคความผสม (Compound-Complex Sentence) คือ ประโยคผสมระหว่างประโยคความรวมกับประโยคความซ้อน  เช่น
                    - Before Jack could go to the party, he had to finish his annual report, but he found it hard to concentrate.


Adjective Clause
            คือ subordinate clause ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนคำ adjective คำหนึ่ง ทำหน้าที่ขยายคำนาม และคำสรรพนาม บางครั้ง Adjective Clause จะถูก เรียกว่า Relative Clause 
          ลักษณะของประโยค Adjective Clause จะนำหน้าด้วย relative words ดังคำต่อไปนี้
1. Relative Pronoun คือสรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยค subordinate clause เข้ากับประโยค main clause โดยใช้เชื่อม หรือขยายคำนาม หรือคำสรรพนามที่วางอยู่ ข้างหน้าประโยค adjective clause ซึ่งจะมีคำเชื่อมที่นำหน้าประโยคดังนี้
·         Relative Pronoun ที่ใช้แทนคน : who, whom,  whose, that      
·         Relative Pronoun ที่ใช้แทนสิ่งของ : which, of which, that         
2. Relative Adverb ได้แก่      where,     when,     why      
ตำแหน่งของ Relative Clause
1.            ประโยค relative clause (adjective clause) เมื่อใช้ขยายคำนามหรือคำสรรพนาม ตัวใดให้วางประโยคrelative clause ไว้หลังคำนั้นทันที เช่น
The man who lives next door is a teacher.  (who lives next door เป็น adjective clause ขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้าคือ The man)
2.            เมื่อใช้ relative pronoun แทนคำนามหรือคำสรรพนามในประโยคแล้ว ให้ตัดคำนาม หรือคำสรรพนามที่ relative pronounนั้นใช้แทน ออกไป เช่น
John married a woman who works in his office.
ประโยคข้างบนมากจาก 2 ประโยคด้วยกัน คือ
A. John married a woman.
B. A woman (she) works in his office
ประโยคB คือประโยค relative clause มีประธานเป็นคน คือ a woman ใช้who แทนประธานที่เป็นคนและตัดคำนาม a woman ออกเพราะใช้who แทนแล้ว

Adjective Clause หรือRelative Clause  แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

1. Defining Relative Clause หรือ Restrictive Clause ทำหน้าที่ขยาย คำนามหรือคำสรรพนามที่เป็น head word ของประโยค main clause โดยจะไม่ใส่ comma ( , ) เพราะถือว่า relative clause ชนิดนี้มีความ สำคัญ หากตัดออกจะทำให้ความหมายของประโยคหลักไม่สมบูรณ์

เช่น  The man whose car was stolen complained to the polite.
A. The man complained to the polite. เป็นประโยคหลักที่ยังมีใจความ ไม่สมบูรณ์จึงต้องมี
B. His car was stolen ซึ่งเป็น Adjective clause มาขยาย man ทำให้ความหมายสมบูรณ์ และเมื่อเชื่อม A เข้ากับ B ให้นำ relative pronoun –whose มาใช้เชื่อมแทน his
2. Non – Defining Relative Clause หรือ Nonrestrictive Clause  จะวางไว้ หลังคำนามหลักของประโยค main clause ซึ่งคำนามนั้นมีความหมาย สมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว การใส่ non – defining relative clause จึงไม่ได้ หมายความว่าไปขยายคำนามที่เป็น head word ของประโยค main clause แต่ใส่ non – defining relative clause เพื่อเป็นการเพิ่มข้อมูลของ คำนามหลักเท่านั้น ดังนั้น non – defining relative clauseจึงมี comma (,) คั่นกลางกับคำนามหลัก
            เช่น
   We stayed at the Royal Hotel, which William recommanded to us.
      จะเห็นได้ว่าประโยค We stayed at the Royal Hotel. มีความหมายที่สมบูรณ์อยู่แล้ว การเพิ่มประโยค which William recommanded to us ซึ่งขยายคำนาม the Royal Hotel เป็นเพียงการเพิ่มเติมข้อมูลลงไป และต้องใส่ comma คั่น

การลดรูป adjective clause
          คำนำหน้า “who”, “which” และ “that” ที่ทำหน้าที่เป็นประธานของ adjective clause สามารถลดรูปเป็นกลุ่มคำต่าง ๆ ได้ โดยเมื่อลดรูปแล้วจะกลายเป็นกลุ่มคำนาม  ดังนี้
          1.
Appositive Noun Phrase
                     adjective clause ซึ่งมี who, which และ that เป็นประธาน สามารถลดรูปได้
          หากหลัง who, which และ that มี BE และให้ตัด BE ออกด้วย เมื่อลดรูปแล้ว จะเป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า appositive ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase 
Prof. Chakarin, who is my thesis adviser, will retire next year.
Prof. Chakarin, who is my thesis adviser, will retire next year.

Prof. Chakarin, my thesis adviser, will retire next year.
His novel, which is entitled Behind the Picture, is very popular.
His novel, which is entitled Behind the Picture, is very popular.

His novel, Behind the Picture, is very popular.


2 Prepositional Phrase
                     adjective clause ที่มี who, which และ that เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง who,
 which และ that มีคำกริยาและบุพบท ที่ถ้าตัดคำกริยาแล้วเหลือแต่บุพบท ยังมีความหมายเหมือนเดิมให้ตัดคำกริยาออกได้ เมื่อลดรูปแล้ว เป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า prepositional phrase ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase 
The lady who is dressed in the national costume is a beauty queen.
The lady who is dressed in the national costume is a beauty queen.  
The lady in the national costume is a beauty queen.
ในที่นี้ dressed in the national costume มีความหมายเหมือน in the national costume
The football player who came from Brazil received a warm welcome from his fans in Thailand.
The football player who came from Brazil received a warm welcome from his fans in Thailand.
The football player from Brazil received a warm welcome from his fans in Thailand.
ในที่นี้ came from Brazil มีความหมายเหมือน from Brazil


  
3 Infinitive Phrase
                     adjective clause ที่มี who, which และ that สามารถลดรูปได้ หากข้างหลังมีกริยาในรูป BE + infinitive with to เมื่อลดรูปแล้ว เป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า infinitive phrase ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase 
He is the first person who is to be blamed for the violence yesterday.
He is the first person who is to be blamed for the violence yesterday.

He is the first person to be blamed for the violence yesterday.
The researcher did not provide the specific statistics that can be used to test the hypothesis.
The researcher did not provide the specific statistics that can be used to test the hypothesis.
The researcher did not provide the specific statistics used to test the hypothesis.

The researcher did not provide the specific statistics to test the hypothesis.


    

         

4. Participial Phrase
                     1) Present Participial Phrase
                     adjective clause ซึ่งมี who เป็นประธาน  สามารถลดรูปได้ หากหลัง who มีกริยาแท้ ลดรูปโดยตัด who และเปลี่ยนกริยาหลัง who เป็น present participle (V-ing)
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase 
The school students who visited the national museum were very excited.
The school students who visited the national museum were very excited.

The school students visiting the national museum were very excited.
The two robbers who had escaped to Cambodia were arrested a week ago.
The two robbers who had escaped to Cambodia were arrested a week ago.

The two robbers having escaped to Cambodia were arrested a week ago.
The earthquake victims who had been saved by the rescue team were sent to hospital immediately.

The earthquake victims who had been saved by the rescue team were sent to hospital immediately.

The earthquake victims having been saved by the rescue team were sent to hospital immediately.

2) Past Participial Phrase
                     adjective clause ซึ่งมี which และ who เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง which และwho มีกริยาในรูป passive form (BE + past participle) ลดรูปโดยตัด which/who และ BE ออก เหลือแต่ past participle ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase 
The money which was lost during the trip was returned to its owner.
The money which was lost during the trip was returned to its owner.

The money lost during the trip was returned to its owner.
His father, who was sent by his company to New Zealand, developed lung cancer.
His fatherwho was sent by his company to New Zealand, developed lung cancer.

His father, sent by his company to New Zealand, developed lung cancer.

                     อย่างไรก็ตาม ทั้ง present participial phrase และ past participial phrase สามารถ
          ขยายนามโดยนำมาวางไว้หน้าคำนามได้ ดังนี้
                     Thailand is a country which exports rice.
                     Thailand is a rice-exporting country.
   
                     Passengers have to wait for trains which come late.
                     Passengers have to wait for late-coming trains.
         สำหรับการเรียนในชั้นเรียนสัปดาห์สรุปได้ว่าเรียนเรื่องประโยค ทั้ง Simple Sentence , Compound Sentence  ,    Complex Sentence    ,     Compound - Complex Sentence   ,      Adjective Clause  และ การลดรูป adjective clause  นอกจากผู้เรียนจะรู้จักวิธีการแต่งประโยคจากหลักการง่ายๆแล้ว ผู้เรียนจำเป็นจะต้องศึกษาเพิ่มเติมในหัวข้อประโยคต่างๆ เพื่อที่จะนำความรู้ที่ได้ต่อยอดในการเรียนวิชาการแปลต่อไป   



            

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

Learning log 4
การเรียนรู้ในชั้นเรียน
            ประโยคคือส่วนที่สำคัญที่สุดในโครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เพราะในชีวิตประจำวันเรามาพูดออกมาเป็นประโยค เพื่อสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าในแต่ประโยคนั้นประกอบขึ้นต้นด้วยคำต่างๆ ดังนั้นเราจำเป็นจึงจะต้องศึกษาวิธีการแต่ละประโยค ประโยคในภาษาอังกฤษมีรูปแบบประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษแค่ 5 แบบ ซึ่งเป็นหลักที่ใช้ในการแต่ประโยค
             1. ประโยค (Sentences) 
               ประโยค หมายถึง กลุ่มคำหรือข้อความที่กล่าวออกมาแล้วมีใจความสมบูรณ์ ประโยคจะประกอบด้วยส่วนใหญ่ 2 ส่วน คือ
         
ภาคประธาน
ภาคแสดง
He
Shouted.
Mary
was selfish.
The loose door
rattled all night.
Those students
study hard for their exam.

1.1 ภาคประธาน (Subject)  มีได้หลายรูปแบบ เช่น
                   1. เป็นคำนาม เช่น The man walked in the rain.
                   2. เป็นคำสรรพนาม เช่น He was a policeman.
                   3. เป็นอนุประโยค เช่น What he described frightened everybody.
                   4. เป็น gerund  เช่น Writing was her hobby.
                   5. เป็น gerund phrase เช่น Working in the South is dangerous.
                   6. เป็น infinitive เช่น To swim is a good exercise.
                   7. เป็น infinitive phrase เช่น To escape from the prison seems impossible for him.

          1.2 ภาคแสดง (Predicate)  จะต้องประกอบด้วยคำกริยา และมีกรรมที่รวมเรียกว่า Verb Completion หรือ  ส่วนขยายที่เรียกว่า Verb Modifiers
                
                  1. Verb Completion  เช่น
                             - She knows my name.
                             - Many people complained a lot about air pollution.
                   2. Verb Modifiers  เช่น
                             - The teacher should speak nicely to the children.
                             - Students can be observed in all classrooms.
2. ชนิดของประโยค
          ประโยค (Sentences) แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

          2.1 ประโยคความเดียว (Simple Sentence) คือ ประโยคที่มีประโยคอิสระ (Independent Clause) เพียงประโยคเดียว เช่น
                    - Linda wrote that novel.
                    - The secretary answers the phone.

          2.2 ประโยคความรวม (Compound Sentence) คือ ประโยคที่ประกอบด้วยประโยคอิสระ(Independent Clause) ตั้งแต่สองประโยคขึ้นไป และมีคำสันธานหรือคำเชื่อมมาเชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน ได้แก่ and, but, nor, or, for, so, และ yet  เช่น
                    - University students can live in the dormitories or in the private apartment.
                    - Woman lives longer than men, for they take better care of their health.

          2.3 ประโยคความซ้อน (Complex Sentence) คือ ประโยคผสมระหว่างประโยคอิสระ (Independent Clause) หนึ่งประโยค กับประโยคย่อย (Subordinate Clause) อย่างน้อยหนึ่งประโยคขึ้นไป  เช่น
                    - Some old people are afraid of using computer while others welcome it.
                    - Students who are in the second year are called sophomore.
                    - Curiosity is one of the early drives which can be used to the full by the elementary school teacher.

          2.4 ประโยคความผสม (Compound-Complex Sentence) คือ ประโยคผสมระหว่างประโยคความรวมกับประโยคความซ้อน  เช่น
                    - Before Jack could go to the party, he had to finish his annual report, but he found it hard to concentrate.


Adjective Clause
            คือ subordinate clause ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนคำ adjective คำหนึ่ง ทำหน้าที่ขยายคำนาม และคำสรรพนาม บางครั้ง Adjective Clause จะถูก เรียกว่า Relative Clause 
          ลักษณะของประโยค Adjective Clause จะนำหน้าด้วย relative words ดังคำต่อไปนี้
1. Relative Pronoun คือสรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยค subordinate clause เข้ากับประโยค main clause โดยใช้เชื่อม หรือขยายคำนาม หรือคำสรรพนามที่วางอยู่ ข้างหน้าประโยค adjective clause ซึ่งจะมีคำเชื่อมที่นำหน้าประโยคดังนี้
·         Relative Pronoun ที่ใช้แทนคน : who, whom,  whose, that      
·         Relative Pronoun ที่ใช้แทนสิ่งของ : which, of which, that         
2. Relative Adverb ได้แก่      where,     when,     why      
ตำแหน่งของ Relative Clause
1.            ประโยค relative clause (adjective clause) เมื่อใช้ขยายคำนามหรือคำสรรพนาม ตัวใดให้วางประโยคrelative clause ไว้หลังคำนั้นทันที เช่น
The man who lives next door is a teacher.  (who lives next door เป็น adjective clause ขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้าคือ The man)
2.            เมื่อใช้ relative pronoun แทนคำนามหรือคำสรรพนามในประโยคแล้ว ให้ตัดคำนาม หรือคำสรรพนามที่ relative pronounนั้นใช้แทน ออกไป เช่น
John married a woman who works in his office.
ประโยคข้างบนมากจาก 2 ประโยคด้วยกัน คือ
A. John married a woman.
B. A woman (she) works in his office
ประโยคB คือประโยค relative clause มีประธานเป็นคน คือ a woman ใช้who แทนประธานที่เป็นคนและตัดคำนาม a woman ออกเพราะใช้who แทนแล้ว

Adjective Clause หรือRelative Clause  แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

1. Defining Relative Clause หรือ Restrictive Clause ทำหน้าที่ขยาย คำนามหรือคำสรรพนามที่เป็น head word ของประโยค main clause โดยจะไม่ใส่ comma ( , ) เพราะถือว่า relative clause ชนิดนี้มีความ สำคัญ หากตัดออกจะทำให้ความหมายของประโยคหลักไม่สมบูรณ์

เช่น  The man whose car was stolen complained to the polite.
A. The man complained to the polite. เป็นประโยคหลักที่ยังมีใจความ ไม่สมบูรณ์จึงต้องมี
B. His car was stolen ซึ่งเป็น Adjective clause มาขยาย man ทำให้ความหมายสมบูรณ์ และเมื่อเชื่อม A เข้ากับ B ให้นำ relative pronoun –whose มาใช้เชื่อมแทน his
2. Non – Defining Relative Clause หรือ Nonrestrictive Clause  จะวางไว้ หลังคำนามหลักของประโยค main clause ซึ่งคำนามนั้นมีความหมาย สมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว การใส่ non – defining relative clause จึงไม่ได้ หมายความว่าไปขยายคำนามที่เป็น head word ของประโยค main clause แต่ใส่ non – defining relative clause เพื่อเป็นการเพิ่มข้อมูลของ คำนามหลักเท่านั้น ดังนั้น non – defining relative clauseจึงมี comma (,) คั่นกลางกับคำนามหลัก
            เช่น
   We stayed at the Royal Hotel, which William recommanded to us.
      จะเห็นได้ว่าประโยค We stayed at the Royal Hotel. มีความหมายที่สมบูรณ์อยู่แล้ว การเพิ่มประโยค which William recommanded to us ซึ่งขยายคำนาม the Royal Hotel เป็นเพียงการเพิ่มเติมข้อมูลลงไป และต้องใส่ comma คั่น

การลดรูป adjective clause
          คำนำหน้า “who”, “which” และ “that” ที่ทำหน้าที่เป็นประธานของ adjective clause สามารถลดรูปเป็นกลุ่มคำต่าง ๆ ได้ โดยเมื่อลดรูปแล้วจะกลายเป็นกลุ่มคำนาม  ดังนี้
          1.
Appositive Noun Phrase
                     adjective clause ซึ่งมี who, which และ that เป็นประธาน สามารถลดรูปได้
          หากหลัง who, which และ that มี BE และให้ตัด BE ออกด้วย เมื่อลดรูปแล้ว จะเป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า appositive ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase 
Prof. Chakarin, who is my thesis adviser, will retire next year.
Prof. Chakarin, who is my thesis adviser, will retire next year.

Prof. Chakarin, my thesis adviser, will retire next year.
His novel, which is entitled Behind the Picture, is very popular.
His novel, which is entitled Behind the Picture, is very popular.

His novel, Behind the Picture, is very popular.


2 Prepositional Phrase
                     adjective clause ที่มี who, which และ that เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง who,
 which และ that มีคำกริยาและบุพบท ที่ถ้าตัดคำกริยาแล้วเหลือแต่บุพบท ยังมีความหมายเหมือนเดิมให้ตัดคำกริยาออกได้ เมื่อลดรูปแล้ว เป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า prepositional phrase ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase 
The lady who is dressed in the national costume is a beauty queen.
The lady who is dressed in the national costume is a beauty queen.  
The lady in the national costume is a beauty queen.
ในที่นี้ dressed in the national costume มีความหมายเหมือน in the national costume
The football player who came from Brazil received a warm welcome from his fans in Thailand.
The football player who came from Brazil received a warm welcome from his fans in Thailand.
The football player from Brazil received a warm welcome from his fans in Thailand.
ในที่นี้ came from Brazil มีความหมายเหมือน from Brazil


  
3 Infinitive Phrase
                     adjective clause ที่มี who, which และ that สามารถลดรูปได้ หากข้างหลังมีกริยาในรูป BE + infinitive with to เมื่อลดรูปแล้ว เป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า infinitive phrase ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase 
He is the first person who is to be blamed for the violence yesterday.
He is the first person who is to be blamed for the violence yesterday.

He is the first person to be blamed for the violence yesterday.
The researcher did not provide the specific statistics that can be used to test the hypothesis.
The researcher did not provide the specific statistics that can be used to test the hypothesis.
The researcher did not provide the specific statistics used to test the hypothesis.

The researcher did not provide the specific statistics to test the hypothesis.


    

         

4. Participial Phrase
                     1) Present Participial Phrase
                     adjective clause ซึ่งมี who เป็นประธาน  สามารถลดรูปได้ หากหลัง who มีกริยาแท้ ลดรูปโดยตัด who และเปลี่ยนกริยาหลัง who เป็น present participle (V-ing)
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase 
The school students who visited the national museum were very excited.
The school students who visited the national museum were very excited.

The school students visiting the national museum were very excited.
The two robbers who had escaped to Cambodia were arrested a week ago.
The two robbers who had escaped to Cambodia were arrested a week ago.

The two robbers having escaped to Cambodia were arrested a week ago.
The earthquake victims who had been saved by the rescue team were sent to hospital immediately.

The earthquake victims who had been saved by the rescue team were sent to hospital immediately.

The earthquake victims having been saved by the rescue team were sent to hospital immediately.

2) Past Participial Phrase
                     adjective clause ซึ่งมี which และ who เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง which และwho มีกริยาในรูป passive form (BE + past participle) ลดรูปโดยตัด which/who และ BE ออก เหลือแต่ past participle ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase 
The money which was lost during the trip was returned to its owner.
The money which was lost during the trip was returned to its owner.

The money lost during the trip was returned to its owner.
His father, who was sent by his company to New Zealand, developed lung cancer.
His fatherwho was sent by his company to New Zealand, developed lung cancer.

His father, sent by his company to New Zealand, developed lung cancer.

                     อย่างไรก็ตาม ทั้ง present participial phrase และ past participial phrase สามารถ
          ขยายนามโดยนำมาวางไว้หน้าคำนามได้ ดังนี้
                     Thailand is a country which exports rice.
                     Thailand is a rice-exporting country.
   
                     Passengers have to wait for trains which come late.
                     Passengers have to wait for late-coming trains.
         สำหรับการเรียนในชั้นเรียนสัปดาห์สรุปได้ว่าเรียนเรื่องประโยค ทั้ง Simple Sentence , Compound Sentence  ,    Complex Sentence    ,     Compound - Complex Sentence   ,      Adjective Clause  และ การลดรูป adjective clause  นอกจากผู้เรียนจะรู้จักวิธีการแต่งประโยคจากหลักการง่ายๆแล้ว ผู้เรียนจำเป็นจะต้องศึกษาเพิ่มเติมในหัวข้อประโยคต่างๆ เพื่อที่จะนำความรู้ที่ได้ต่อยอดในการเรียนวิชาการแปลต่อไป   



            

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น